The DioField Chronicle : บทที่ 2-5 ดาวตกถล่มราชสีห์
ทัพจักรวรรดิเปลี่ยนแผนโดยการนำกำลังอ้อมมาขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเมืองท่าเทกกาเรียซึ่งเป็นเทือกเขานอนเดอเรน ซึ่งหากผ่านเทือกเขามาได้ก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่พื้นที่ด้านในของเกาะ องค์ชายใหญ่จึงนำกำลังกว่า 8,000 นายเข้าดักรอที่ปากทางออกเทือกเขา แต่ทัพจักรวรรดิก็ร้ายกาจยิ่ง ส่งทัพเรือเสริมอีกกองเข้าตีที่ท่าเรือเทกกาเรียโดยตรง
ท่าเรือเทกกาเรียซึ่งบัดนี้หลงเหลือทหารเพียงหยิบมือต้องคอยต้านทานทัพเสริมจักรวรรดิ ซึ่งหากท่าเรือแตก ทัพจักรวรรดิกจะสามารถย้อนเข้าตีกระหนาบทัพหลวงจากทางด้านหลัง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ทัพหลวงจะต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
กลุ่มบลูฟ็อกส์จึงเข้ามาช่วยต้านทานทัพจักรวรรดิที่บุกเข้าตีท่าเรือ หลังการต้านรับทัพจักรวรรดิจำนวนมหาศาลที่บุกทะลวงเข้ามาดุจน้ำหลาก ในที่สุดบลูฟ็อกส์ก็ต้านทานการยกพลขึ้นบกของทัพจ้กรวรรดิไว้ได้
อีกด้าน สงครามขนาดใหญ่ระหว่างทัพหลวงดิโอฟิลด์นำโดยองค์ชายใหญ่อีวานการ์ และทัพจักรวรรดินำโดยแม่ทัพจอมอหังการ์นามเซวาเทียน องค์ชายใหญ่พลาดท่าถูกปืนพลังเวทย์ของแม่ทัพเซวาเทียนยิงทะลุเข้ากลางหน้าอก สิ้นชีพในสมรภูมิ ทัพหลวงดิโอฟิลด์สูญเสียขวัญกำลังรบจึงแตกพ่ายถอยทัพกลับมายังตอนกลางของเกาะ เซวาเทียนนำทัพบุกลงมายังท่าเรือเทกกาเรียทันที ชัยชนะของกลุ่มบลูฟ็อกส์จึงหมดความหมาย และถูกบีบให้ถอยทัพกลับมายังพื้นที่ตอนกลางเช่นกัน
บัดนี้ ทัพจักรวรรดิได้หยั่งเท้ายังฝั่งตะวันออกของเกาะดิโอฟิลด์อย่างมั่นคง ข่าวความพ่ายแพ้และสิ้นชีพขององค์ชายใหญ่สร้างความหวาดผวาต่อชาวอัลเลเทนเป็นอย่างยิ่ง (อัลเลเทนเป็นชื่อราชวงศ์และประเทศบนเกาะแห่งนี้)
ภาพตัดมายังความคิดของอันดริอัส เขานึกย้อนไปถึงวันที่ได้เจอองค์ชายสี่เลวานเทียครั้งแรก องค์ชายยิ้มและต้อนรับเขาเป็นอย่างดีโดยไม่ได้ยึดถือบรรดาศักดิ์แม้แต่น้อย อันดริอัสในฐานะมหาดเล็กคอยรับใช้องค์ชายสี่จึงเป็นดังเพื่อนคนหนึ่งขององค์ขาย
วันหนึ่งองค์ชายสี่ถูกส่งตัวมายังคฤหาสถ์ของตระกูลเลสเตอร์อย่างลับๆ เพื่อมาศึกษา ที่นี่เอง อันดริอัสและองค์ชายสี่ได้พบกับเฟเดรท เลสเตอร์ บุตรชายของตระกูลเลสเตอร์ ด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันและอัธยาศัยอันดีขององค์ชาย ทั้งสามก็ได้เป็นสหายกัน อันดริอัสที่เป็นคนพูดน้อยทั้งยังเป็นเพียงคนรับใช้ มิอาจบรรยายได้เลยว่าความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างไร...จนกระทั่งถึงวันนี้
-- จบบทที่ 2 --
บทที่ 1 เส้นทางของชีวิต
บทที่ 2 ทลายปราการ
บทที่ 3 เถ้าธุลีและเกียรติยศ
บทที่ 4 ความลับที่เก็บไว้อย่างใกล้ชิด
บทที่ 5 ดาราร่วงหล่น เมื่อบลูฟ็อกส์กำจัดดยุคเฮนเด อดีตเจ้านายซึ่งแท้จริงแล้วเป็นกบฏ บลูฟ็อกส์ก็กลายเป็นทัพอิสระที่เข้มแข้งขึ้น แต่ก็ไม่วายต้องเข้าไปพัวพันกับศึกชิงบัลลังค์ระหว่างองค์ชายสองกับองค์ชายสาม เฟเดรทที่ทนไม่ไหวจึงประกาศความจริงที่น่าตกตะลึงให้กับชาวบลูฟ็อกส์ทุกคน ความจริงนี้จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเกาะดิโอฟิลด์ไปตลอดกาล
บทที่ 7 จุดจบและจุดเริ่มต้น (บทสุดท้าย) เฟเดรทโกหกคนทั้งโลกจนได้ขึ้นเป็นราชาสมใจ ทว่าอัลเลเทนที่แตกแยกขัดแย้งรบกันเองมาอย่างยาวนาน ประกอบกับราชาคนใหม่ที่เมื่อขึ้นมามีอำนาจก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ด้วยสภาพเช่นนี้จะต้านทานจักรวรรดิอันเกรียงไกรและแม่ทัพใหญ่ผู้ไม่เคยรู้จักความพ่ายแพ้งั้นหรือ? เฟเดรทโกหกคนทั้งโลก แต่ไม่ใช่มีแค่เขาที่โกหก คนที่อยู่กับเรามาตลอดตั้งแต่เริ่ม แต่เรากลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย... และเมื่อความจริงทั้งหมดถูกเผยออก ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล พบกับปัจฉิมบทพงศาวดารแห่งเกาะดิโอฟิลด์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน (จริงๆนานเพราะแปลๆ หยุดๆ) เป็นหนึ่งในฉากจบที่คนรับชมถึงกับต้องสบถออกมา ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย (แต่ผมชอบมากๆ ยกขึ้นหิ้งเลยครับ) ปล. ถ้าใครงงกับฉากจบก็ทักมาครับเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง ตอนผมเล่นครั้งแรกก็ถึงกับเหวอ จนต้องไปอ่าน lore เพิ่มถึงได้เข้าใจแบบกระจ่าง |