Skip to main content

Bravely Default II

(as "Bravely Default 2")
Platform:  

Bravely Default 2 - บทที่ 4 ลมหายนะ






หลังชัยชนะเหนือศึกครั้งใหญ่ เมืองไรม์ดาลก็รอดพ้นมาได้ กลอเรียเสนอให้หลวงพ่อกวิเดียนบอกชาวเมืองทุกคนว่าอาร์คบิชอปโดมินิคสังเวยตนเองเพื่อเรียกเทพมังกรออกมา (เพื่อไม่ให้ชาวเมืองแตกตื่นเรื่องการตายของโดมินิค) ส่วนมาร์ธากับกวิลิมนั้นก็กลับไปที่อุโมงค์อสรพิษ กวิลิมจำเป็นต้องจำศีลช่วงเวลาหนึ่งเพื่อดูดซับพลังและองค์ความรู้จากบรรพบุรุษ (มังกรจะถ่ายทอดพลังและภูมิปัญญาสู่บุตรโดยตรงหลังจากเสียชีวิตลง) ด้านอเดลออกไปสืบข่าวพบว่าทหารโฮโลกราดถอนทัพและมุ่งหน้าลงใต้...นั่นเป็นทางไปสู่อาณาจักรฮาลซิโอเนีย
ขณะเดียวกัน อดัมก็ได้สั่งการผู้ถือครองศิลาแอสเทอริสก์ที่เหลือให้ดำเนินแผนต่อไป ลอนส์เดลให้นำทัพใหญ่ไปบุกเมืองฮาลซิโอเนีย มาร์ลาให้เข้าไปแทรกซึมที่เมืองซาวาลอน ส่วนวิจินทิโอให้มุ่งหน้าไปยังวิสวอลด์ แผนการครั้งใหญ่ของอดัมได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว!!
ทางด้านเซธและพวก ระหว่างที่เตรียมจะไปช่วยเหลือเมืองฮาลซิโอเนียนั้น ก็มีนกสื่อสารตัวหนึ่งส่งจดหมายจากอานิฮอลมาว่าเมืองซาวาลอนกำลังจะถูกโจมตี ในเวลาเดียวกันรอดดี้ก็ติดต่อผ่านแหวนสื่อสารมาว่าเมืองวิสวอลด์ก็กำลังถูกฝูงอันเดดโจมตีเช่นกัน ทุกเมืองกำลังมีภัยและพวกเซธจะต้องช่วยทุกคนให้ได้
ทุกคนเดินทางมาถึงเมืองวิสวอลด์แต่กลับพบว่าเมืองทั้งเมืองว่างเปล่า ทุกคนค้นหาจนทั่วก็ไม่พบผู้ใด ทั้งหมดจึงไปที่หอคอยกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่สุดท้าย เมื่อไปถึงชั้นบนสุดก็พบรอดดี้ถูกจับมัดเอาไว้ รอดดี้เล่าว่าวิจินทิโอ้เป็นผู้นำทัพอันเดดบุกเมือง เมื่อได้ยินชื่อนี้เอลวิสก็ตกใจว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือ? คนผู้ในอดีตท่านหญิงเอ็มม่าเคยสังหารไปแล้ว แต่เขาก็กลับมาพร้อมกับอยู่ฝ่ายโฮโลกราดเสียด้วย วิจินทิโอในตอนนี้เขาได้กลายเป็นไวจ์ ราชาแห่งอันเดดไปแล้ว และเขายังสำเร็จวิชาเวทย์โบราณในการเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นอันเดดอีกด้วย
แต่อย่างน้อยเอลวิสก็ยังมาทันเวลา เพราะวินจิทิโอต้องใช้เวลาในการเตรียมแผนของเขา และการจัดการวิจินทิโอซึ่งกลายเป็นราชาอันเดดไปแล้วนั้นมีหนทางเดียวคือต้องใช้กิ่งไม้เถ้ากระดูก โชคดีที่เอลวิสจำได้ว่าเคยพบกิ่งไม้นี้ มันคือตุ๊กตาไม้ที่ลิลี่ตอนถูกล้างสมองจับแต่งตัวเป็นลูกสาว รอดดี้จึงมอบหมายให้เอลวิสกับพวกไปนำกิ่งไม้เถ้ากระดูกมา ส่วนเขาจะจัดเตรียมเวทย์ต่อต้านอันเดดให้เอง
เมื่อได้กิ่งไม้มาแล้ว เอลวิสกับรอดดี้จึงร่วมมือกันร่ายเวทย์ใส่ลงไปในกิ่งไม้ แต่รอดดี้นั้นฝืนจนพลังเวทย์หมดตัว เอลวิสจึงให้รอดดี้พักผ่อนอยู่ที่นี่และรับปากว่าตนจะจัดการวิจินทิโอ้ให้เอง รอดดี้จึงอธิบายทฤษฎีอันเดดให้ฟัง โดยปกติมนุษย์นั้นการตายก็คือการเดินทางจากชีวิตไปสู่การตาย แต่อันเดดนั้นตรงกันข้าม กล่าวคือเดินทางจากการตายมาสู่การมีชีวิต ทว่าพวกอันเดดนั้นไม่รู้ตัวว่ามันไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้ นั่นจึงทำให้อันเดดฟื้นตัวกลับมาทุกครั้งแม้จะถูกทำลายลง ดังนั้นการกำจัดอันเดดก็คือการมอบชีวิตให้มัน นั่นจะทำให้เราสามารถสังหารอันเดดลงได้ นี่คือพลังของกิ่งไม้เถ้ากระดูกนั่นเองเพราะมันเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต นี่คือบันทึกที่ท่านหญิงเอ็มม่าหลงเหลือเอาไว้
ทุกคนมายังซากศูนย์วิจัยเก่าห่างไปทางตะวันตกของเมือง ที่นี่เองที่วิจินทิโอ้พาชาวเมืองทั้งหมดมา เมื่อมาถึงด้านในทุกคนก็เผชิญหน้ากับวิจินทิโอ้ผู้ถือครองศิลาแอสเทอริสก์จอมอาคมซึ่งชำนาญด้านเวทย์แห่งความมืดโดยเฉพาะ เวทย์ของวิจินทิโอมีรัศมีทำลายเป็นวงกว้าง มันระเบิดพลังจนแม้แต่ทำร้ายตัววิจินทิโอเอง แต่ไม่ว่าวิจินทิโอจะถูกทำลายอย่างไรเขาก็ฟื้นกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมด้วยเสียงหัวเราะอันแสลงหู แต่ในที่สุดเอลวิสก็สบโอกาสเข้าประชิดตัวและใช้กิ่งไม้เถ้ากระดูกแทงเข้าใส่ร่างของวิจินทิโอทันที เขาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและร่ายกายก็ค่อยๆหลอมละลาย
เมื่อกำจัดวิจินทิโอลงได้ ชาวเมืองวิสวอลด์ทุกคนก็กลับมาที่เมืองอย่างปลอดภัย รอดดี้ขอบคุณทุกคนอีกครั้งและรับปากว่าชาววิสวอลด์จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน เมื่อเสร็จเรื่องแล้วกลอเรียจึงเดินทางไปช่วยเหลือเมืองต่อไป
...
กลอเรียพาทุกคนมาถึงเมืองซาวาลอนซึ่งอานิฮอลรอต้อนรับอยู่ เมื่อพบกันทุกคนก็รีบไปหาองค์ชายพอลลักส์ทันที สถานการณ์ในเมืองตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากปัญหาภายในที่เพิ่งจบ องค์ชายพอลลักส์เองเมื่อเพิ่งขึ้นมาปกครองก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสภาอาวุโสเท่าที่ควร ตอนนี้เมื่อทัพโฮโลกราดจ่อประชิดและเสนอให้ซาวาลอนยอมสวามิภักดิ์ สภาอาวุโสเองก็แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้ยอมจำนน อีกฝ่ายให้ลุกขึ้นสู้ ทว่าเหตการณ์เริ่มเลวร้ายเมื่อสมาชิกสภาอาวุโสฝ่ายต่อต้านโฮโลกราดกลับฆ่าตัวตายไปถึงสองคน องค์ชายพอลลักส์สงสัยว่านี่อาจเป็นการฆาตกรรมอำพราง องค์ชายจึงขอให้กลอเรียสืบหาข่าวจากสภาอาวุโสสี่คนที่หลงเหลือ
สภาอาวุโสแต่ละคนบ้างก็รู้สึกเสียใจต่อการตายของคนอื่นแต่ก็ยืนยันว่าจะสนับสนุนให้ซาวาลอนยอมจำนนเพื่อเลี่ยงสงคราม บ้างก็ว่าคนที่ตายกลัวว่าเมื่อซาวาลอนเข้าร่วมกับโฮโลกราดจะถูกเช็คบิลจึงชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน บ้างก็เห็นใจและจะยืนกรานต่อต้านโฮโลกราดแทนส่วนของคนที่ตายไป บ้างก็ว่าคนที่ตายเพราะคำสาปของลูปุส อดีตสภาอาวุโสที่ถูกใส่ความจนตายในอดีตและเบอร์นาร์ดก็เข้ามาแทนที่ เมื่อกลอเรียกลับไปปรึกษากับองค์ชายพอลลักส์จึงเห็นว่าเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ จำเป็นต้องไปปรึกษากับอาลักษณ์โดรเมดที่น่าจะรู้เบื้องลึกเป็นอย่างดี ทว่าหลังจากเหตุการณ์ขององค์ชายแคสเตอร์ โดรเมดก็ขอชดใช้ความผิดด้วยการขังตัวเองอยู่ในคุก องค์ขายพอลลักส์จึงพาทุกคนไปหาโดรเมดที่คุกหลวง
แต่เมื่อไปถึงคุกกลับพบทหารยามที่ตกใจว่า องค์ชายพอลลักส์เพิ่งเข้าไปในคุกเมื่อสักครู่!! ทุกคนรีบเข้าไปทันทีเพราะตอนนี้โดรเมดตกอยู่ในอันตราย เมื่อไปถึงคุกก็เจอโดรเมดกำลังคุยกับองค์ชายพอลลักส์อีกคน เมื่อความจริงถูกเปิดโปงตัวปลอมก็ลงมือทันที เซธและพวกรีบเข้าไปขัดขวาง เมื่อการลอบสังหารไม่เป็นผล นักฆ่าลึกลับผู้นั้นก็หายตัวจากไปแต่กลับทิ้งสร้อยคอเส้นหนึ่งเอาไว้
โดรเมดกล่าวขอบคุณทุกคน และตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนักฆ่าจึงมุ่งเป้ามาที่เขาทั้งที่เขาถอนตัวจากศูนย์กลางอำนาจแล้ว นั่นต้องเป็นเพราะเขาถูกสงสัยว่ารู้ข้อมูลบางอย่างที่อาจจะไปขัดขวางแผนการของมือสังหารผู้นั้นได้ องค์ชายพอลลักส์กล่าวว่ามีแต่เหล่าสภาอาวุโสเท่านั้นที่รู้ว่าเขาจะมาหาโดรเมด นั่นหมายความว่า คนร้ายตัวจริงเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้!!
เมื่อโดรเมดพิเคราะห์สร้อยคอของมือสังหารก็พบว่า นี่คือสมบัติประจำตระกูลของอดีตสภาอาวุโสลูปุส และเมื่อกลอเรียกลับไปถามข้อมูลกับเหล่าสภาอาวุโสอีกครั้งจึงสามารถเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด
ประการแรกสองสภาอาวุโสมิได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกจัดฉากฆาตกรรมเพราะทั้งสองยืนกรานต่อต้านจักรวรรดิโฮโลกราด
ประการที่สอง มือสังหารรู้ข้อมูลวงในเหล่านี้เพราะแทรกซึมมาเป็นหนึ่งในสภาอาวุโสปัจจุบัน
ประการที่สาม สร้อยคอของมือสังหารมีกลิ่นน้ำหอมที่พิเศษเฉพาะ ซึ่งกลิ่นนี้เป็นกลิ่นเดียวกับสภาอาวุโสผู้หนึ่ง
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!! คนร้ายตัวจริงก็คือ...ซิกนัส สภาอาวุโสหญิงเพียงคนเดียวในที่นี้
เมื่อถูกเปิดโปง องค์ชายพอลลักส์จึงถามสาเหตุว่าคนร้ายทำไปด้วยเหตุใด นางตอบสั้นๆว่า
"ล้างแค้น...ให้บิดาของข้า"
แท้จริงแล้วมือสังหารผู้นี้ก็คือ ไมอา บุตรสาวของอดีตสภาอาวุโสลูปุส ซึ่งตอนนี้นางเปลี่ยนมาใช้ชื่อมาร์ล่า นางแค้นสภาอาวุโสสองคนที่ตายไปเพราะสองคนนั้นคือผู้กล่าวโทษบิดานางจนต้องตายเพราะความผิดที่ไม่ได้ก่อ หลังจากได้ศิลาแอสเทอริสก์จากอดัมนางจึงใช้โอกาสนี้ล้างแค้น นี่คือแเอสเทอริสก์แฟนธอม และในตอนนี้นางจะใช้พลังนี้สังหารองค์ชายพอลลักส์
เซธและพรรคพวกเข้าขัดขวางและเอาชนะนางมาได้ เมื่อล้มเหลว มือสังหารผู้นี้ก็ชักมีดออกมาเชือดคอตัวเองทันที!!!
เมื่อจบเรื่อง อานิฮอลส่งข่าวมาว่าพบสภาอาวุโสซิกนัสตัวจริงแล้วและช่วยเหลือมาได้อย่างปลอดภัย พอลลักส์ขอร้องให้โดรเมดกลับมาเป็นที่ปรึกษาเช่นเคยแต่โดรเมดก็ยึงยืนกรานหนักแน่นว่าคนบาปเช่นตนสมควรอยู่ในคุกเท่านั้น พอลลักส์ไม่บีบคั้นอีกแต่ก็หวังว่าเมื่อถึงเวลาโดรเมดจะกลับมา และองค์ชายพอลลักส์ยังให้คำมั่นต่อกลอเรียว่า เมื่อถึงเวลาที่กลอเรียต้องการความช่วยเหลือ อาณาจักรของเขาก็พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่
...
ทุกคนมาถึงเมืองฮาลซิโอเนียซึ่งตอนนี้มีแต่ทหารโฮโลกราดเต็มเมืองไปหมด เซธและพวกพยายามไม่ทำตัวสะดุดตาจนสามารถแทรกซึมเข้าเมืองไปที่โรงแรมได้ เจ้าของโรงแรมเล่าว่าเมื่อทัพใหญ่โฮโลกราดมาถึง ราชาเวอร์น่อนแห่งฮาลซิโอเนียตัดสินใจยอมจำนนและตกเป็นนักโทษเพื่อรักษาเมืองและชาวบ้านไว้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าราชาถูกจับตัวไว้ที่ใด แต่ละคนจึงแยกกันหาข่าวในเมือง
เซธไปที่ร้านเหล้าและเจอชายร่างยักษ์ผู้หนึ่งที่คาดว่าจะมีตำแหน่งในกองทัพโฮโลกราดไม่ต่ำทราม ชายผู้นั้นเห็นเซธไม่คุ้นหน้าจึงเข้ามาถามว่าเป็นใคร เซธกลบเกลื่อนว่าเพิ่งหายป่วยและถามกลับ ที่แท้ชายร่างยักษ์ผู้นี้ก็คือลอนส์เดล แม่ทัพใหญ่ของทัพโฮโลกราดที่มาบุกเมืองในครั้งนี้ ทั้งยังเป็นผู้ถือครองศิลาแอสเทอริสก์ Bastion (ปราการ) อีกด้วย
แต่ลอนส์เดลผู้นี้กลับไม่ถือตัวแม้แต่น้อย เขากล่าวว่าเมื่อมาถึงร้านเหล้าก็ช่างตำแหน่งมันเถอะใครจะสน แถมยังเลี้ยงเหล้าเซธอีกต่างหาก ทั้งสองไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบและคุยกันถูกคอเสียด้วย ที่แท้ลอนส์เดลนั้นเป็นทหารผู้รับใช้โฮโลกราดมาตั้งแต่ราชาโฮโลกราดองค์ก่อน ทั้งหมดที่เขาทำนั้นเพื่อหน้าที่ ก่อนจากลอนส์เดลยังเตือนเซธว่าอย่ามาทำเนียนเป็นชาวเมือง และอย่าทำอะไรผิดเสียล่ะ เขาไม่อยากฆ่าถ้าไม่จำเป็น
เมื่อทุกคนกลับมาที่โรงแรมก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน กลอเรียสืบทราบมาว่าราชาเวอร์น่อนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของปราสาท ส่วนอเดลสืบได้ว่าผู้บัญชาการทัพมีชื่อว่าลอนส์เดลและน่าจะได้รับความไว้วางใจจากอดัมไม่น้อยที่ให้เขาบัญชาการทัพใหญ่ ส่วนเซธก็ได้เจอลอนส์เดลที่ว่าตัวเป็นๆมาแล้ว
ตัดมาที่ราชาเวอร์น่อนในคุก เขาเตรียมใจว่าจะต้องถูกประหารในไม่ช้าแน่นอน แต่ลอนส์เดลกล่าวว่าเมื่อฮาลซิโอเนียผนวกรวมกับจักรวรรดิโฮโลกราดแล้ว เขาจะเสนอให้แต่งตั้งราชาเวอร์น่อนเป็นเจ้าเมืองปกครองที่นี่เพราะรู้จักที่นี่ดียิ่งกว่าใคร ทว่าจังหวะนรกก็บังเกิด ทหารมาส่งสาส์นจากอดัมสั่งให้ประหารราชาเวอร์น่อนเสีย ลอนส์เดลปฏิเสธคำสั่งนี้และเชื่อว่าต้องเป็นนังผู้หญิงที่อยู่กับอดัมแน่นอนที่ยุยงปลุกปั่น แต่ราชเวอร์น่อนก็กล่าวกับลอนส์เดลว่าจงประหารเขาเถอะ หากลอนส์เดลฝ่าฝืนคำสั่ง ชาวฮาลซิโอเนียอาจต้องล้มตายไปมากกว่านี้
เมื่อข่าวการประหารราชาเวอร์น่อนรู้กันทั่วเมือง ทางเซธและพวกจึงร้อนใจคิดหาวิธีลอบไปช่วยเหลือราชาออกมาให้ได้ เซธจึงเสนอให้ใช้หินเปล่งแสงแบบที่เซอร์สโลนเคยทำตอนช่วยเหลือกลอเรียครั้งนั้น ดีที่กลอเรียรู้วิธีการจึงเหลือเพียงนำวัตถุดิบมาก็พอ
เมื่อได้ทุกอย่างพร้อมแล้วทุกคนจึงเริ่มดำเนินการตามแผนทันที โดยเจ้าของโรงแรมและชาวบ้านจะสร้างความวุ่นวายในเมืองเพื่อดึงความสนใจของทหาร พวกเซธอาศัยโอกาสนี้ลอบเร้นเข้าไปถึงราชวัง และใช้หินเปล่งแสงใส่ทหารหน้าวังจนสามารถเข้ามาถึงคุกใต้ดินได้ เมื่อทุกคนพบราชาเวอร์น่อน เขาไม่อยากตามมาด้วยเพราะกลัวชาวบ้านจะเดือดร้อน แต่กลอเรียก็เกลี้ยกล่อมจนเขายอมตามมาโดยดี ทุกคนฟันฝ่าทหารที่ขวางตามรายทางจนกลับขึ้นมาถึงวังและพบลอนส์เดลยืนจังก้าขวางทางอยู่ หนทางเดียวที่จะหนีออกไปได้ก็ต้องผ่านปราการเหล็กเช่นเขาเท่านั้น
เมื่อเอาชนะลอนส์เดลได้แล้ว เขากล่าวว่าเขายินดีที่ทุกคนแข็งแกร่งเช่นนี้ เพราะเขาต้องการพิสูจน์ว่าทุกคนจะสามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับอดัมได้ และฝากให้ทุกคนช่วยหยุดอดัมแทนเขาด้วย อีกประการเขาจะสั่งการให้ทหารโฮโลกราดยอมถอนทัพ เพียงแต่ขอให้รับประกันความปลอดภัยของทหารเขาเท่านั้น ซึ่งราชาเวอร์น่อนก็รับปาก
เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องราว ราชาเวอร์น่อนขอบคุณความช่วยเหลือในครั้งนี้ และรับปากเช่นกันว่าเขาจะช่วยเหลือกลอเรียในการทวงคืนศิลาวาตะมาให้ได้ บ้ดนี้เมืองทุกเมืองปลอดภัยแล้ว และไม่นานนักองค์ชายพอลลักส์แห่งซาวาลอนและรอดดี้แห่งวิสวอลด์ก็นำกำลังมาสมทบที่ฮาลซิโอเนีย บัดนี้กองทัพจากทั้งสามประเทศพร้อมแล้วที่จะช่วยเหลือกลอเรียบุกจักรวรรดิโฮโลกราดเพื่อทวงคืนศิลาวาตะกลับมา
กลอเรียได้เปิดเผยต่อทุกคนถึงความสำคัญที่แท้จริงในการกอบกู้คริสตัลทั้งสี่ อดีตกาลนานมาแล้ว มีจอมมารนาม Night Nexus (ผสานราตรี) ตัวตนของมันเป็นอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่ในตอนนั้นการคงอยู่ของมันก่อให้เกิดภัยพิบัติไปทั่วหล้า ทว่าปรากฏผู้ได้รับพรแห่งคริสตัลทั้งสี่ซึ่งถูกขนานนามว่า "ผู้กล้าแห่งแสง" ได้ร่วมมือใช้พลังของคริสตัลผนึก Noght Nexus เอาไว้ได้ ทว่าพลังของอสูรนี้แข็งแกร่งยิ่ง และพลังของคริสตัลทั้งสี่ก็เสื่อมถอยลงตามกาลเวลา ดังนั้นทุกๆ 200 ปีจะต้องทำพิธีฟื้นพลังของคริสตัลทั้งสี่อยู่ตลอด นี่คือภารกิจที่สืบทอดมายาวนานของราชวงศ์มิวซ่า แต่บัดนี้เมื่อคริสตัลถูกขโมยไป ผนึกของคริสตัลก็อ่อนแรงลงทุกที หากปล่อยไว้เช่นนี้มารอสูรในตำนานต้องหวนกลับมาแน่นอน พวกเขาทั้งสี่ในฐานะผู้ถูกเลือกจากคริสตัลในรุ่นนี้จึงต้องรีบแข่งกับเวลาเพื่อทวงคืนคริสตัลมาให้ได้
เมื่อสิ้นคำกล่าว ผู้นำจากเมืองทั้งสามจึงยิ่งตระหนักถึงความสำคัญของภารกิจในครั้งนี้ ไม่รู้ผู้ใดเริ่มกล่าวก่อน แต่ทหารทั้งหมดต่างก็แซ่ซ้องสรรเสริญคนทั้งสี่เสียงดังกระหึ่ม
"ผู้กล้าแห่งแสงจงเจริญ!!!"
...
บัดนี้ทั้งสามเหล่าทัพทุ่มสรรพกำลังบุกจักรวรรดิโฮโลกราดเพื่อดึงความสนใจและให้กลอเรียลอบแทรกซึมไปในพื้นที่ฝั่งข้าศึกได้
กลอเรียและทุกคนสามารถลอบเร้นเข้ามาในเมืองโฮโลกราดได้สำเร็จ และเข้าไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่กลางเมืองได้อย่างไม่ยากเย็น เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดพบว่ามีสะพานยาวเชื่อมไปถึงอาคารขนาดใหญ่อีกแห่ง อดัมและเอ็ดน่า สตรีลึกลับที่อยู่ข้างกายอดัมจะเข้าไปยังอาคารนั้น กลอเรียจึงตะโกนหยุดอดัมไว้และขอให้คืนศิลาวาตะมาเสีย มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ มิใช่สิ่งที่จะเอามาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน
อดัมสวนกลับทันทีว่า เป้าหมายของข้าคือการปกครองโลกทั้งใบเพื่อสร้างสันติ เมื่อทุกประเทศรวมเป็นหนึ่งเดียวก็จะไม่มีสงครามอีกต่อไป เป้าหมายนี้เจ้าว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตนงั้นหรือ? อดัมยังคงเมินเฉยและเดินทางเข้าอาคารยักษ์นั้น กลอเรียและพวกไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบตามเข้าไป แต่เมื่อเข้าไปได้สักพักก็มีแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งอาคารแห่งนี้ มันกำลังลอยตัวขึ้น!!
ที่แท้อาคารใหญ่ยักษ์นี้คือปราการลอยฟ้าขนาดมหึมา มันเริ่มลอยตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและค่อยๆเคลื่อนไหว กลอเรียและทุกคนจึงรีบตามไปให้ถึงตัวอดัม เมื่อตามถึงห้องควบคุมซึ่งบรรจุศิลาวาตะเอาไว้ กลอเรียก็ถกเถียงถึงอุดมการณ์กับอดัมอยู่พักใหญ่ นางว่าอดัมไม่รู้หรืออย่างไรว่าถ้าคริสตัลหมดพลังจะเป็นการปลดปล่อยจอมมารผสานราตรีออกมา อดัมว่าไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรข้าก็จะสยบมันอยู่ใต้ฝ่าเท้า เมื่อการพูดคุยไม่อาจแก้ปัญหา สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ต้องใช้กำลังเข้าเจรจา
อดัมทึ่งที่พวกกลอเรียแข็งแกร่งขึ้นมากจากที่เจอกันครั้งก่อนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่อดัมก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ด้วยศิลาแอสเทอริสก์ดาบโลกันต์ทำให้เขาสามารถสังเวยพลังชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นพลังทำลายล้างมหาศาลได้ และยิ่งเลือดของเขาเหลือน้อยเท่าไร พลังโจมตีของเขาก็ยิ่งรวดเร็วรุนแรงมากเท่านั้น
แต่แล้วด้วยสกิลพระเอกนางเอก เหล่าผู้กล้าแห่งแสงก็สามารถเอาชนะอดัมได้ในที่สุด อดัมคร่ำควญว่าเหตุใดจึงไม่มีใครเข้าใจอุดมการณ์ของเขา ทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อสันติอันยั่งยืน เพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีก กลอเรียแย้งว่าการก่อสงครามเพื่อยุติสงครามมันจะเป็นการสร้างสันติได้อย่างไร บัดนี้เจ้าพ่ายแพ้ก็จงส่งมอบศิลาวาตะคืนมาเสียเถิด
"ข้าไม่ส่งมอบศิลาวาตะให้เจ้าหรอก จนกว่าจะรีดพลังของมันจนเหือดแห้ง" สตรีปริศนาเอ็ดน่าที่ซ่อนตัวเสมอมาสุดท้ายก็กล่าว อเดลเข้าไปทักทายในทันใด แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่นี่ก็คือน้องสาวของอเดลจริงๆ อเดลถามทีว่าเอ็ดน่าทำสิ่งเหล่านี้ไปด้วยเหตุใด?
"เพราะมนุษย์มันสมควรต้องเจ็บปวดในสิ่งที่พวกมันกระทำน่ะสิ และมันง่ายมากเลยล่ะ ข้าเพียงขโมยศิลาแอสเทอริสก์จากหมู่บ้าน ส่งให้พวกมนุษย์บางคน แล้วพวกมันก็ขโมยคริสตัลออกมา...ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเจ้าคงรู้ดีอยู่แล้วล่ะ"
ยังไม่ทันจบคำ เมื่อศิลาวาตะถูกรีดพลังเกินพิกัด ปราการลอยฟ้าแห่งนี้ก็ส่งสัญญาณดับสลาย เริ่มเกิดการระเบิดลุกลามไปทั่ว เอ็ดน่าเยาะเย้ยว่าไว้เจอกันใหม่..ถ้ารอดจากที่นี่ได้ล่ะนะ เจ้าเป็นแฟรี่เจ้ารอดอยู่แล้วล่ะ แต่สหายของเจ้า...ข้าไม่แน่ใจหรอก กล่าวจบเอ็ดน่าในร่างแฟรี่ก็บินจากไป
"มิต้องเกรงกลัวดอก เหล่าบุตรแห่งมนุษย์" ระหว่างที่ทุกคนกำลังโกลาหลในการหาทางหนี เสียงคำรามจากฟากฟ้าก็ดังขึ้น เป็นมังกรตัวใหญ่ยักษ์ที่เข้ามาช่วยพวกเขา กวิลิมนั่นเอง บัดนี้กวิลิมที่ได้รับสืบทอดมรดกจากบรรพบุรุษก็เปลี่ยนจากมังกรน้อยที่แม้แต่บินก็ไม่มีปัญญา กลายมาเป็นราชามังกรตัวใหญ่ที่แสนจะหล่อเท่ ระหว่างที่ทุกคนกำลังขึ้นไปบนหลังมังกร เซธที่กำลังจะไปเอาศิลาวาตะกลับมาก็ถูกอดัมปล่อยพลังใส่จนต้องถอยไปด้านหลัง ทว่าทันใดซากเหล็กจากการถล่มก็หล่นลงมายังจุดที่เซธยืนอยู่เมื่อสักครู่...ที่แท้อดัมกลับช่วยเขาไว้
"เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงยังไม่อยากให้พวกเจ้าต้องตายตอนนี้ จงไปหยุดยั้งเอ็ดน่าให้ได้ นี่คือสิ่งที่เจ้าจะชดใช้จากการมาทำลายความทะเยอทะยานของข้า" ว่าแล้วอดัมก็โยนศิลาวาตะส่งให้เซธที่กำลังจะหนี ส่วนตัวเขาก็ยืนหัวเราะอยู่ท่ามกลางปราการที่กำลังถล่มลง
กวิลิมพาทุกคนบินหนีออกมาจากปราการลอยฟ้าได้อย่างปลอดภัย ทว่ายังไม่ทันได้ยินดี จู่ๆทั่วทั้งท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดดำ อศนีแลบแปลบปลาบไปทั่ว เป็นสัญญาณว่ามารที่ถูกผนึกมาช้านาน กำลังพยายามทลายพันธนาการออกมา!!
พวกเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...

-- จบบทที่ 4 --








CREDIT:

Bravely Default II

Bravely Default 2

แนวทางการเล่น
WALKTHROUGH/GUIDES

ตัวละคร
Character

ข้อมูลเบื้องต้น
Basic information

ข้อมูลที่น่าสนใจ
ARRTICLE INTERESTING

ความลับ, โกงเกม
Secrets, Cheat Game

เว็บไซต์:ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
RELATED WEBSITES

ดาวน์โหลดเกม
GAME DOWNLOAD