The DioField Chronicle : บทที่ 3-4 กำปั้นที่ยกชู
หลังกำจัดพวกเอนแกรมลง ดยุคเฮนเดก็ไม่เสียเวลา ใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขตเข้าปกครองพื้นที่ตอนใต้ทันที ทั้งยังบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดและเพิ่มภาษีอย่างโหดร้าย สร้างความไม่พอใจของชาวเมืองตอนใต้เป็นอย่างยิ่ง บางส่วนก็อพยพหนีไปยังพื้นที่ส่วนอื่นของเกาะ กลุ่มคนที่เหลือต่างรวมตัวกันชุมนุม เดินทางไปยังพื้นที่ตอนกลางเพื่อปลุกระดมเรียกร้องระบอบการปกครองใหม่ให้เป็นระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ไปกระตุ้นความไม่พอใจของราชวงศ์และเหล่าขุนนาง บลูฟ็อกส์จึงได้รับคำสั่งให้ไปสลายการชุมนุมของม็อบในทันที
เนื่องจากศัตรูในครั้งนี้คือชาวบ้านธรรมดา ลอเรนจึงเน้ย้ำว่าให้หลีกเลี่ยงการสังหารโดยไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนเหมือนวัลตาควินจะไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก ศัตรูก็คือศัตรู ฆ่าทิ้งให้หมดก็สิ้นเรื่องราว (วัลตาควินมีกรอบความคิดที่ค่อนข้างรุนแรงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนี้ยิ่งเปิดเผยเด่นชัดยิ่งขึ้น)
ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของกลุ่มบลูฟ็อกส์ทำให้ม็อบบางส่วนที่รู้ก็ถอยหนีทันที แต่บางส่วนก็ยังดึงดันสู้กับกลุ่มบลูฟ็อกส์ต่อ ในการต่อสู้ อิสคาเรียนถึงกับเดือดแค้นที่วัลตาควินฆ่าชาวบ้านเป็นผักปลา ทั้งที่ย้ำหนักหนาว่ามันจะส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของกลุ่ม แม้การกระทำของวัลตาควินจะทำให้ม็อบที่เหลือยอมแพ้ในทันที แต่บลูฟ็อกส์ต้องสูญเสียชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมาอย่างยาวนานเพราะสังหารชาวบ้านที่ไร้ทางสู้ ดยุคเฮนเดเองในฐานะของผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มบลูฟ็อกส์ก็ถูกสังคมวิจารณ์อย่างรุนแรง กระนั้นดยุคเฮนเดก็ส่งกำลังพลควบคุมพื้นที่ตอนใต้ของเกาะอย่างเบ็ดเสร็จ
กว่าหกเดือนแล้วที่ฝ่ายจักรวรรดิยึดครองท่าเรือ ฝั่งอัลเลเทนพยายามส่งทัพเข้าชิงคืน แม้แม่ทัพเซวาเทียนจะไม่อยู่ แต่ก็ไม่สามารถฝ่าการป้องกันอย่างเหนียวแน่นของออสมัลโด ขุนศึกผู้เฝ้ารักษาปราการนี้ไว้ได้เลย สถานการณ์จึงอยู่ในสภาวะชะงักงันเช่นนี้
บทที่ 1 เส้นทางของชีวิต
บทที่ 2 ทลายปราการ
บทที่ 3 เถ้าธุลีและเกียรติยศ
บทที่ 4 ความลับที่เก็บไว้อย่างใกล้ชิด
บทที่ 5 ดาราร่วงหล่น เมื่อบลูฟ็อกส์กำจัดดยุคเฮนเด อดีตเจ้านายซึ่งแท้จริงแล้วเป็นกบฏ บลูฟ็อกส์ก็กลายเป็นทัพอิสระที่เข้มแข้งขึ้น แต่ก็ไม่วายต้องเข้าไปพัวพันกับศึกชิงบัลลังค์ระหว่างองค์ชายสองกับองค์ชายสาม เฟเดรทที่ทนไม่ไหวจึงประกาศความจริงที่น่าตกตะลึงให้กับชาวบลูฟ็อกส์ทุกคน ความจริงนี้จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเกาะดิโอฟิลด์ไปตลอดกาล
บทที่ 7 จุดจบและจุดเริ่มต้น (บทสุดท้าย) เฟเดรทโกหกคนทั้งโลกจนได้ขึ้นเป็นราชาสมใจ ทว่าอัลเลเทนที่แตกแยกขัดแย้งรบกันเองมาอย่างยาวนาน ประกอบกับราชาคนใหม่ที่เมื่อขึ้นมามีอำนาจก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ด้วยสภาพเช่นนี้จะต้านทานจักรวรรดิอันเกรียงไกรและแม่ทัพใหญ่ผู้ไม่เคยรู้จักความพ่ายแพ้งั้นหรือ? เฟเดรทโกหกคนทั้งโลก แต่ไม่ใช่มีแค่เขาที่โกหก คนที่อยู่กับเรามาตลอดตั้งแต่เริ่ม แต่เรากลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย... และเมื่อความจริงทั้งหมดถูกเผยออก ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล พบกับปัจฉิมบทพงศาวดารแห่งเกาะดิโอฟิลด์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน (จริงๆนานเพราะแปลๆ หยุดๆ) เป็นหนึ่งในฉากจบที่คนรับชมถึงกับต้องสบถออกมา ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย (แต่ผมชอบมากๆ ยกขึ้นหิ้งเลยครับ) ปล. ถ้าใครงงกับฉากจบก็ทักมาครับเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง ตอนผมเล่นครั้งแรกก็ถึงกับเหวอ จนต้องไปอ่าน lore เพิ่มถึงได้เข้าใจแบบกระจ่าง |