The DioField Chronicle : บทที่ 5-4 สั่งสอนบนกองฟืน
ฮาเลก ลินคือมหาวิหารอันเป็นฐานบัญชาการของโบสถ์กรันเวล ตั้งอยู่ลึกบนยอดเขาของพื้นที่ตอนเหนือ ใช้เวลาสร้างกว่า 50 ปีโดยสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงแห่งยุค สร้างในลักษณะเหมือนป้อมปราการและยืนหยัดมากว่า 400 ปีแล้ว ว่ากันว่าหินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างอาคารล้วนถูกลงไว้ด้วยอาคมทั้งสิ้น ทำให้มันยังคงยิ่งใหญ่แลละงดงามเหนือกาลเวลา
แต่จากมหาวิหารหรูหราโอ่อ่า บัดนี้ได้กลายเป็นนรกบนดินไปเสียแล้ว
ภารกิจของบลูฟ็อกส์ในครั้งนี้รวบรัดยิ่ง กำจัดวัลตาควินและองค์ชายสตาริสพร้อมทั้งยึดครองฮาเลก ลินให้จงได้
แต่ไหนเลยเรื่องราวจะเรียบง่ายปานนั้น บลูฟ็อกซ์จำต้องฝ่ากองทัพอันเดดจำนวนมหาศาล ซึ่งก่อนหน้าก็คงจะเป็นบรรดานักบวชและอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่างเป็นตลกร้ายที่ผู้รับใช้พระเจ้ากลับพบจุดจบเช่นนี้..
บทที่ 1 เส้นทางของชีวิต
บทที่ 2 ทลายปราการ
บทที่ 3 เถ้าธุลีและเกียรติยศ
บทที่ 4 ความลับที่เก็บไว้อย่างใกล้ชิด
บทที่ 5 ดาราร่วงหล่น เมื่อบลูฟ็อกส์กำจัดดยุคเฮนเด อดีตเจ้านายซึ่งแท้จริงแล้วเป็นกบฏ บลูฟ็อกส์ก็กลายเป็นทัพอิสระที่เข้มแข้งขึ้น แต่ก็ไม่วายต้องเข้าไปพัวพันกับศึกชิงบัลลังค์ระหว่างองค์ชายสองกับองค์ชายสาม เฟเดรทที่ทนไม่ไหวจึงประกาศความจริงที่น่าตกตะลึงให้กับชาวบลูฟ็อกส์ทุกคน ความจริงนี้จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเกาะดิโอฟิลด์ไปตลอดกาล
บทที่ 7 จุดจบและจุดเริ่มต้น (บทสุดท้าย) เฟเดรทโกหกคนทั้งโลกจนได้ขึ้นเป็นราชาสมใจ ทว่าอัลเลเทนที่แตกแยกขัดแย้งรบกันเองมาอย่างยาวนาน ประกอบกับราชาคนใหม่ที่เมื่อขึ้นมามีอำนาจก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ด้วยสภาพเช่นนี้จะต้านทานจักรวรรดิอันเกรียงไกรและแม่ทัพใหญ่ผู้ไม่เคยรู้จักความพ่ายแพ้งั้นหรือ? เฟเดรทโกหกคนทั้งโลก แต่ไม่ใช่มีแค่เขาที่โกหก คนที่อยู่กับเรามาตลอดตั้งแต่เริ่ม แต่เรากลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย... และเมื่อความจริงทั้งหมดถูกเผยออก ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล พบกับปัจฉิมบทพงศาวดารแห่งเกาะดิโอฟิลด์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน (จริงๆนานเพราะแปลๆ หยุดๆ) เป็นหนึ่งในฉากจบที่คนรับชมถึงกับต้องสบถออกมา ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย (แต่ผมชอบมากๆ ยกขึ้นหิ้งเลยครับ) ปล. ถ้าใครงงกับฉากจบก็ทักมาครับเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง ตอนผมเล่นครั้งแรกก็ถึงกับเหวอ จนต้องไปอ่าน lore เพิ่มถึงได้เข้าใจแบบกระจ่าง |